เจ้ายุโรป (1967–68) ของ ประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด_(ค.ศ._1945–1969)

ยูไนเต็ดเริ่มต้นฟุตบอลยุโรปด้วยงานไม่ยากนัก พวกเค้าผ่านเข้ารอบด้วยผลประตูรวม 4-0 ชนะทีมฮิเบอร์เนียน จากนั้นตามด้วยทีมซาราเยโว และทีม โกนิค ซาเบอร์ จากโปแลนด์ ซึ่งยูไนเต็ดสามารถเอาชนะด้วยสกอร์รวม 2-1 ผ่านเข้าสู่รอบเซมิ ไฟนอล ไปพบกับงานหินชิ้นโต รีล มาดริด โดยในเลคแรกที่ต้องเจอกันที่สนามโอล์ด แทรฟฟอร์ด ด้วยการตั้งรับอย่างเหนียวแน่นของรีล มาดริด ทำให้ยูไนเต็ดเก็บชัยชนะได้เพียงสกอร์ 1-0 ซึ่งถือว่าน้อยมากเมื่อเทียบว่านัดต่อไปจะต้องไปเยือนที่สนามเบอร์นาบิว

เดนิส ลอว์ มีอาการบาดเจ็บที่หัวเข่าจนไม่สามารถลงช่วยเกมที่เบอร์นาบิวได้ ดังนั้นบัสบี้จึงตัดสินใจใช้นักเตะกองหลังวัย 36 ปี บิลล์ โฟล์ค มาแทนตำแหน่งทางด้านขวา ยูไนเต็ดออกสตาร์ทได้ไม่ค่อยดีเท่าที่ควรและต้องตามหลังถึง 3-1 เมื่อจบเวลาในครึ่งแรก สกอร์รวมตอนนี้ รีล มาดริดนำอยู่ 3-2 เริ่มครึ่งหลัง หลังจากการแก้เกม ยูไนเต็ดเริ่มทำได้ดีขึ้น บุกกดดันรีล มาดริดอย่างหนัก จนกระทั่งเดวิด แซดเลอร์ มาทำประตูตีเสมอสกอร์รวมเท่ากันที่ 3-3 แล้วสุดท้าย บิลล์ โฟล์ก ก็กลายเป็นฮีโร่ซัดประตูชัยให้ยูไนเต็คจากการผ่านบอลของจอร์จ เบสต์ ซึ่งเป็นเพียงประตูเดียวที่เค้ายิงได้ในการแข่งขันฟุตบอลถ้วยยุโรป และเป็นประตูสุดท้ายใน 9 ประตูในการลงเล่นเกือบ 700 นัดให้สโมสร

ยูไนเต็ดผ่านเข้าไปสู่รอบชิงชนะเลิศพบกับสโมสรเบนฟิกาที่สนามเวมบลีย์ ซึ่งถือว่าเป็นคืนอันพิเศษสำหรับบัสบี้ หลังจากที่เคยให้คำมั่นสัญญาว่าเค้าจะพาทีมยูไนเต็ดก้าวสู่ความเป็นที่หนึ่งของยุโรป โดยอาศัยความสามารถของบัสบี้ในการปลุกปั่นทีมจากผู้เล่นดาวรุ่งให้กลายเป็นทีมที่ยิ่งใหญ่ โดยในนักเตะชุดที่ลงชิงชนะเลิศ มีนักเตะแค่ 2 คนที่มาจากการย้ายทีมเท่านั้น

บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน เบิกร่องประตูขึ้นนำให้ยูไนเต็ด แต่เบนฟิกาก็ตีเสมอได้ทันควันจากเจม กราซ่า และยังโหมกระหน่ำอย่างต่อเนื่องเพื่อประตูขึ้นนำยูไนเต็ดให้ได้ แต่ก็ต้องขอบคุณอเล็ก สเต๊ปนี่ ที่ป้องกันประตูจากความพยายามของยูเซบิโอ และยูไนเต็ดก็สามารถยื้อได้จนถึงช่วงต่อเวลาพิเศษ ในที่สุดความพยายามของยูไนเต็ดก็ประสบความสำเร็จจากการทำประตูด้วยความสามารถเฉพาะตัวของจอร์จ เบสต์ และ ไบรอัน คิดด์ ฉลองวัย 19 ปี และบ๊อบบี้ ชาร์ลตันก็มาทำประตูตอกย้ำชัยชนะ ไปด้วยสกอร์ 4–1 ยูไนเต็ดกลายเป็นทีมแรกของอังกฤษที่สามารถครองแชมป์เป็นเจ้ายุโรปถ้วยใหญ่สุดไปครองได้สำเร็จ[22]

แมตต์ บัสบี้ ได้รับการแต่งตั้งเป็นอัศวินจากความสำเร็จในครั้งนี้[22] และยังได้ขนานนามว่าเป็นผู้ปลดปล่อยของแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด[23]

ใกล้เคียง

ประวัติศาสตร์ ประวัติศาสตร์ไทย ประวัติศาสนาพุทธ ประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น ประวัติศาสตร์จีน ประวัติศาสตร์โลก ประวัติศาสตร์สหรัฐ ประวัติศาสตร์สเปน ประวัติศาสตร์เยอรมนี ประวัติการบินไทย

แหล่งที่มา

WikiPedia: ประวัติศาสตร์ของสโมสรฟุตบอลแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด_(ค.ศ._1945–1969) http://www.fifa.com/classicfootball/clubs/matchrep... http://www.fifa.com/classicfootball/players/player... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/Club/History-By-Decade/19... http://www.manutd.com/en/News-And-Features/Feature... http://www.manutd.com/en/Players-And-Staff/Manager... http://www.rsssf.com/miscellaneous/europa-poy.html http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/f... http://news.bbc.co.uk/onthisday/hi/dates/stories/j...